The Agenda South

ICRC ส่ง “นายพลนอกราชการ” ล็อบบี้ขอคืนบทบาทแทรกแซงไฟใต้

by sorawit @26 ส.ค. 2564 17:45 ( IP : 184...27 ) | Tags : ข่าว
photo  , 1280x1280 pixel , 196,892 bytes.

ทัศนะ : ไชยยงค์ มณีพิลึก

ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.2564 “โจรใต้” หรือ “แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดนยังคงปฏิบัติการถี่ยิบ และไปป์บอมบ์แบบขว้างใส่ฐานเจ้าหน้าที่ก็ยังคงเป็นอาวุธหลัก สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปแล้วจำนวนมาก ล่าสุดฐานปฏิบัติการทหาร ฉก.12 ยะลา เพิ่งถูกโจมตีมีเจ้าหน้าที่ผู้บาดเจ็บ 1 ราย

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า “บีอาร์เอ็น” มีการปรับยุทธวิธีโดยหันมาใช้อาวุธขนาดเล็กๆ โจมตีเป้าหมายเล็กๆ มากขึ้น เพราะผลิตง่ายและพกพาสะดวก จากที่เคยใช้อาวุธใหญ่ๆ อย่างคาร์บอมบ์ที่เน้นเป้าหมายใหญ่ๆ อย่างสถานที่ราชการหลักๆ เพื่อสร้างความสูญเสียครั้งละมากๆ

การล็อกเป้าหมายไว้ที่หน่วยงานรัฐเป็นการหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชน เพราะหากบีอาร์เอ็นยังใช้ยุทธวิธีแบบเดิมๆ มีแต่จะถูกปฏิเสธจากคนในพื้นที่ ถือเป็นผลเสียอย่างมากต่อปฏิบัติการมวลชน ซึ่งแนวทางนี้เป็นไปตามคำชี้แนะขององค์กร “เจนีวาคอลล์” ที่เป็นเงาทะมึนอยู่เบื้องหลัง

ที่สำคัญสอดรับกับสายตา “มุสลิม” ในพื้นที่จำนวนมากที่มีความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว สิ่งนี้ดูได้จาก “ทีมไอโอ” ในฝ่ายการเมืองของบีอาร์เอ็นปลุกระดมมาตลอด โดยนำประเด็นวิสามัญฯ แนวร่วมที่ยังคลุมเครือไปใช้ทำลายฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ

ตัวอย่างกรณี “อับดุลเลาะ อีซอมูซอ” เสียชีวิตในศูนย์ซักถามของทหาร แม้ว่าหลักฐานทางการแพทย์จะชี้ชัดไปแล้ว อีกทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาต (กสม.) ก็ยืนยันด้วยว่า ผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกซ้อมทรมาน แต่นอกจากญาติพี่น้องผู้ตายไม่มีใครเชื่อถือแล้ว ยังรวมถึงผู้คนจำนวนหนึ่งในสังคมด้วย

สำหรับข่าวฉาวสุดๆ ในเวลานี้ กรณีนายตำรวจไฮโซ “ผู้กำกับโจ้” อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ เกี่ยวกับการซ้อมทรมานผู้ต้องหาโดยใช้ถุงดำคลุมหัวจนเสียชีวิต กรณีนี้ก็ยังถูกฝ่ายไอโอบีอาร์เอ็นหยิบมาโยงกับหลายเหตุการณ์ในพื้นที่ไฟใต้เพื่อเปิดบาดแผลเก่าให้ดูสดใหม่ขึ้นมาด้วย

โดยเฉพาะกรณีใบชันสูตรศพผู้ต้องหาเหยื่อทีมของผู้กำกับโจ้ที่แพทย์ระบุไว้ว่า มีเสพสารเสพติดเกี่ยวข้องกับการตาย เเรื่องนี้ฝ่ายไอโอบีอาร์เอ็นก็นำไปเชื่อมโยงว่า มีการช่วยเหลือกันของฝ่ายเจ้าหน้าที่เพื่อให้พ้นความผิด ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเหยื่อซ้อมทรมานที่ชายแดนใต้

จึงต้องยอมรับว่าปฏิบัติการของปีกทางการเมืองบีอาร์เอ็นเวลานี้ ช่างสอดรับกับความเคลื่อนไหวขององค์กรต่างประเทศที่กำลังเข้าไปแทรกแซงพื้นที่ชายแดนใต้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่ว่าจะเป็น “เจนีวาคอลล์” หรือ “คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)”

ล่าสุดมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา หลังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมทั้งหน่วยงานในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่างร่วมกันวางกรอบการทำงานให้กับไอซีอาร์ซีไม่ให้แทรกแซงด้านความมั่นคง แต่ก็มีความพยายามทะลุกรอบให้เห็น

ไอซีอาร์ซีได้ปรับไปทำแผนพัฒนาส่งเสริมอาชีพให้มวลชนเป้าหมาย เช่น เลี้ยงปลาสลิด ทำปุ๋ยหมัก และการพัฒนาอาชีพอื่นๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ผลกระทบจากสงครามหรือบทบาทอื่นๆ ที่องค์กรนี้ต้องรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้แสดงว่าไอซีอาร์ซีต้องการที่จะขอแทรกตัวอยู่ต่อในชายแดนใต้ใช่หรือไม่

ก่อนหน้านี้ไอซีอาร์ซีถึงกับขอให้ ศอ.บต.ร่วมมือทำโครงการพัฒนาเหล่านี้ แต่ผู้บริหาร ศอ.บต.รู้ทันว่าในเจตนาดีที่มีสิ่งแอบแฝงอยู่ด้วย จึงปฏิเสธไปแบบนิ่มๆ โดยยอมเพียงชี้เป้าว่าพื้นที่ไหนขาดแคลนหรือต้องการการพัฒนาด้านไหน ซึ่งเมื่อเจอการปฏิเสธแบบนั้นถึงกับไปไม่เป็นมาแล้ว

ถึงวันนี้ไอซีอาร์ซียังมีหางโผล่จากเสื้อสูทจนได้ เมื่อมอบให้ที่ปรึกษา “นายพลนอกราชการ” วิ่งล็อบบี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นรายบุคคลทั้งในฝ่ายต่างประเทศ ความมั่นคง กองทัพบก กองทัพไทย กองทัพภาคที่ 4 รวมถึง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อโน้มน้าวให้เห็นดีเห็นงานกับบทบาทที่จะเข้าไปช่วยสร้างสันติภาพในชายแดนใต้

จริงๆ แล้วเป้าหมายครั้งใหม่ของไอซีอาร์ซีไม่ได้ต้องการอะไรมากมายกว่าที่เคยทำมาหรอก เพียงต้องการกลับเข้าไปปฏิบัติการในชายแดนใต้เหมือนกับที่เคยทำไว้ตั้งแต่ก่อนปี 2559 โดยเฉพาะมีความต้องการทะลุกำแพงเรือนจำเข้าไปเยี่ยมบรรดา “นักโทษคดีความมั่นคง” ที่ยังถูกคุมขังอยู่

นอกจากนี้ยังต้องการเข้าไปพบปะกับครอบครัวนักโทษคดีความมั่นคงเหล่านั้นด้วย เพื่อให้การแนะนำทางกฎหมาย เพราะสิ่งเหล่านี้คืองานหลักของไอซีอาร์ซีนั่นเอง อันถือเป็นด้านการเมืองที่จะนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในชายแดนใต้ในอนาคตได้อย่างแท้จริง แม้ว่าวันนี้ภาพเปลือกนอกของสถานการณ์ไฟใต้จะดูเหมือน “คลื่นลมเริ่มสงบ” แต่เชื่อไหมว่านั่นคือภาพลวงตาที่บีอาร์เอ็นพยายามสร้างขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้องค์กรต่างๆ จากทั้งยุโรปและอเมริกาได้แทรกตัวเข้าไปทำงานการเมืองกับมวลชน

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่รู้ว่า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.จะร่วมกันต้านแรงเสียดทานเหล่านี้ได้หรือไม่ หรือว่าได้กลายเป็นกลุ่มคนที่มองโลกสวยไปเสียแล้ว โดยเห็นว่าบรรดา “ฝรั่งหัวแดง” เป็นผู้รู้ผู้วิเศษที่คนไทยควรต้องเดินตาม

Relate topics