The Agenda South

เงื่อนงำชวนสงสัย?! ของโจร "รังนกเมืองลุง" หลายร้อยกิโลฯ หายไปไหน

by sorawit @15 พ.ย. 2564 16:27 ( IP : 184...24 ) | Tags : เคียงข่าว - วิเคราะห์ , วาระภาคใต้
photo  , 960x960 pixel , 140,354 bytes.

โดย.. เมือง ไม้ขม

คดีลักรังนกที่หมู่เกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง นับว่าเป็นอีกหนึ่งคดีตัวอย่าง ในความผิดพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับ ”ทรัพยากรธรรมชาติ” เพราะมีการกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนว่า มีบุคคลต่างๆ ร่วมมือกันทำผิด แบบเป็น ”ขบวนการ” มีผู้ถูกกล่าวหาหรือ ”ผู้ต้องหา”ในเบื้องต้นจำนวน 38 คน

แบ่งเป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับนายอำเภอและปลัดอำเภอ 4 นาย เป็นตำรวจระดับผู้กำกับการ สารวัตร และรองสารวัตร 7 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 2 นาย เป็นผู้ใหญ่บ้าน 1 นาย ที่เหลือเป็น อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ทั้งแต่ อส.จ.–อส.อ. จนถึง อดีต อส. และคนงานเก็บรังนก ที่ถูกว่าจ้างจากกลุ่มขบวนการให้เข้าเป็นโจรลักรังนกในครั้งนี้

ในทางคดีถือว่า พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.) ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อรับผิดชอบในคดีนี้ โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าชุด เพื่อให้ ”ขุดรากถอนโคน” ผู้ที่อยู่ในขบวนการนี้ทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สอบสวนชุดนี้ให้เวลากว่า 2 เดือน หลังจากที่ตัวแทน บริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ผู้ได้รับสัมปทาน จัดเก็บรังนกในวงเงิน 400 ล้านบาท ในระยะเวลาสัมปทาน 5 ปี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ว่า มีการเข้าไปลักรังนกและทำลายลูกนก แม่นกนางแอ่น เป็นจำนวนมาก ในห้วงเวลา 81 วัน ที่คณะกรรมการรังนกอีแอ่น จ.พัทลุงส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้ารักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันมิให้มีการขโมยรังนกเกิดขึ้น

การที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลา 2 เดือนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้ถึง 38 คน ย่อมนับว่า คดีมีความก้าวหน้าและสร้างความหวั่นไหวให้บุคคลระดับ “สั่งการ” ที่ยังไม่ถูกออกหมายเรียกและหมายจับอีกหลายคน เพราะคดีนี้ไม่ควรที่จะจบลงที่ผู้ต้องหาระดับนายอำเภอและผู้กำกับ จากการ “สืบสวน” ที่ยังไม่อยู่ในแฟ้มของการสอบสวนพบว่า ยังมีผู้อยู่เบื้องหลังระดับ ”สั่งการ” ที่เป็นข้าราชการระดับสูงของจังหวัดและที่เป็น นักการเมืองท้องถิ่น คือ ตัวการใหญ่ของการขโมยรังนกในครั้งนี้

และยังมีประเด็นที่สงสัยกันว่า ทำไม ตำรวจไม่สอบสวนให้ถึงตัวของผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก เช่น กลุ่มนายทุนผู้รับซื้อรังนก ที่ถูกนำออกมาจาเกาะสี่เกาะห้า ซึ่งถ้าเพียง 5 กิโล 10 กิโล ขายใน ”ตลาดมืด” ได้ แต่ถ้าเป็นจำนวนนับร้อยๆ กิโล ตามที่ผู้สัมปทานกล่าวอ้างว่าหายไป โดยมีตัวเลขจากการจัดเก็บของปี 2563 ที่ผ่านมาใช้อ้างอิง เช่น จากการเก็บรังนกของบริษัทฯ ในวันที่ 2 หลังได้รับสัมปทาน เก็บรังนกขาวได้ 8.75 กิโลกรัมและรังนกดำ 38.59 กิโลกรัม แต่เมื่อปี 2563 เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.2563 และต้นเดือน ก.ย. 2563 นั้น ในวันแรกของการจัดเก็บนั้น บริษัทจัดเก็บรังนกขาวได้ 178.80 กิโลกรัม ต่างกัน 170.05 กิโลกรัม และจัดเก็บรังนกดำได้ 282.60 กิโลกรัม ต่างกัน 247.01 กิโลกรัม

”ของโจร” จำนวนขนาดนี้ ต้องมี ”นายทุน” ที่มีทุนพอและ ”กล้าพอ” เท่านั้นที่จะกล้ารับซื้อ!

ประเด็นชวนสงสัยคือ ในห้วงที่มีการลักรังนกออกจากเกาะ มีกลุ่มพ่อค้าได้เปิดประมูลรังนกบ้านที่ จ.พัทลุงถึง 2 ครั้ง ปกติจะมีการเปิดประมูลที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพราะเป็น “ตลาดกลาง” แต่ครั้งนี้มีการเดินทางไปเปิดประมูลที่ จ.พัทลุง ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง จ.พัทลุงไม่ใช่แหล่งที่มีรักนกบ้านมากนัก และรังนกในเกาะสี่เกาะห้า ผู้สัมปทาน มีบริษัทในการแต่งรังนกและส่งออกด้วยตนเองอยู่แล้ว ที่ไม่ได้นำรังนกเข้าประมูล นี่เป็น ”เงื่อนงำ” ที่น่าสงสัย

เงื่อนงำต่อมา รังนกจำนวนมาก เมื่อนำออกจากถ้ำ เพื่อรักษาคุณภาพและการสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ต้องจัดเก็บในสถานที่ ซึ่งมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ในภาคใต้มีบริษัทที่สัมปทาน มีโรงงานในการเก็บรักษาและแต่งรังนก เพียงไม่กี่แห่ง และในจำนวนนั้น ตั้งอยู่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 2 โรง เป็นของ “สยามเนสท์” 1 โรง และของ “คู่แข่ง” อีก 1 โรง

ตั้งแต่ต้นในการเข้ามาทำคดีของตำรวจ จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการพูดถึงแหล่งรับซื้อของกลาง หรือ”ของโจร” ไม่มีการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยในการเก็บของกลาง หรือ “ของโจร” แต่อย่างใด

รังนก ที่มาจากเกาะสี่เกาะห้ามีคุณภาพที่ไม่เหมือนกับรังนก ที่มาจากเกาะอื่นๆ ใน อ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งมีรวมทั้งหมด 7 เกาะ ในภาคใต้ และอีก 2 เกาะ ในภาคตะวันออก และรังนกในถ้ำก็มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกับรังนกบ้าน หรือรังนกคอนโด พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้แน่ ถ้ามีการตรวจค้นและนำมาเป็นของกลางได้ แต่ประเด็นเหล่านี้ พนักงานสอบสวนไม่มีการกล่าวถึง

มีการตั้งคำถามว่า คดีการจับผู้ลักลอบขโมยรังนกจะจบลงตรงที่ผู้ต้องหาจำนวน 38 คนใช่หรือไม่ ส่วนผู้เกี่ยวข้องที่เหนือขึ้นไปและนักการเมืองที่เป็นต้นเรื่อง มีการ ”ตัดตอน” เพื่อให้สาวไม่ถึง

เพราะในสำนวนการสอบสวน ผู้ต้องหาชุดแรกๆ ที่เป็น ”หางแถว” อย่างผู้ที่มีอาชีพเก็บรังนกและ อส.ในพื้นที่ต่างให้การซัดทอดข้าราชการระดับนายอำเภอ ผู้กำกับ ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ รวมทั้ง “ผู้ใหญ่บ้าน” ในพื้นที่ เพราะผู้ต้องหาระดับหางแถวรู้เพียงเท่านั้นจริง

แต่การ “สั่งการ” จากข้างบนไปสู่ระดับนายอำเภอ ผู้กำกับ เจ้าหน้าที่พยายามที่จะตัดออก เพราะมิให้สาวไปถึง ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหาระดับนายอำเภอ ผู้กำกับ ปลัดอำเภอ รอง ผกก.จนถึงรองสารวัตร และป่าไม้ ที่ทุกคนให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน ขอต่อสู้ในชั้นศาล เป็นการให้การเพื่อ ”ตัดตอน” ให้สาวไม่ถึงกลุ่มข้าราชการระดับสูงในจังหวัดและนักการเมือง

ที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผู้ต้องหาที่เดินทางมามอบตัวและถูกจับกุมมีการเตรียมพร้อมด้วยการมี “ทนาย” มาด้วย มีหลักทรัพย์ในการประกันตัว แสดงให้เห็นว่า ผู้บงการได้ให้การช่วยเหลือในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่

ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. มีข่าวรั่วออกมาว่า มีการนัด ”เคลียร์” คดีกันระหว่างคนสองกลุ่ม ที่สถานที่แห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เพื่อขอให้คดีลักรังนกจบลงที่ผู้ต้องหาทั้ง 38 คน ที่ไม่ต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้ไปถึงผู้ร่วมขบวนการในส่วนที่เหลือ ส่วนจะใช้อะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน ” จิ้งจก” ในห้องประชุมขอปิดเป็นความลับ

วันนี้ แม้แต่คนมีระดับอย่าง "วิสุทธิ์ ธรรมเพชร" นายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง (อบจ.พัทลุง.) ยังออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คดีรังนก คงจะสาวไปไม่ถึงกลุ่มข้าราชการระดับสูงและนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลัง  ผู้ต้องหาที่จับได้ คงมีตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายปกครองแค่ "นายอำเภอ" ส่วนของตำรวจคือ "ผู้กำกับการ"ส่วนที่เหลือคงจะ ”ลอยนวล” ตามระเบียบ

ทั้งนี้ จะจริงหรือไม่จริง ต้องพิสูจน์ฝีมือของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.) หัวหน้าชุดผู้ทำคดี และต้องพิสูจน์คำพูดของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ที่ให้ สัมภาษณ์ว่า คดีนี้จะสาวให้ถึงผู้บงการ และให้เป็นคดีตัวอย่างสำหรับเรื่องของการ ”ลักรังนก” ซึ่งเกิดเป็นครั้งแรก ที่เกาะสี่เกาะห้า อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

แต่...ให้รอดู ”อาฟเตอร์ช็อก” ที่จะตามมาภายในเดือนนี้คือ คดีลักรังนกครั้งนี้จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง “พ่อเมือง” พัทลุง ประธานคณะกรรมการรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ซึ่งก่อนหน้านี้ถูก กลุ่ม ”การเมือง” ตั้งเวทีปราศรัยเรียกร้องให้รับผิดชอบรังนกที่หายไป และเงิน 5 ล้านบาท ที่ใช้เป็น ”เบี้ยเลี้ยง” ให้เจ้าหน้าที่ ที่มองว่าสูญเปล่า ซึ่งพ่อเมืองพัทลุง เคยกล่าวว่า ”ไม่ต้องมาไล่ผม ผมจะขอย้ายตนเอง” หลังจากที่มีการจับกุมกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านถึง 38 คน การขอย้ายตนเองของพ่อเมืองพัทลุงจะเป็นจริงก่อนสิ้นเดือนนี้

ข้อสังเกตคือ ทุกเรื่องที่เมืองพัทลุง ไม่ว่าเป็นเรื่องโจรและผลประโยชน์ จะจบลงด้วยเรื่องของ ”การเมือง” เสมอ เหมือนกับจะเป็นการตอกย้ำ ”อัตลักษณ์” ของ “ท้องถิ่น” ว่า ที่นี่ พัทลุง นะ..จะบอกให้

Relate topics